1st Review of Sarto
1st Review of Sarto " Dinamica" (ตอนที่2 ณ เลนเขียว)
04 มิถุนายน 2558

The Chasing of Sarto Dinamica/Test Ride at Green Lane,Thailand.(ตอนที่2)

โดย คุณรดิส สุทธิสุนทร (ปลา) แห่งกลุ่ม Dramatical Riders

ปัจจุบันคุณปลาทำงานในตำเเหน่ง Asst. Production Director อยู่ที่ บ. ไดอิจิ คิคากุ, ประเทศไทยและยังสนใจ ศึกษาค้นคว้าจักรยานประเภทถนนในเเบรนด์ต่างๆอีกด้วยครับ



สวัสดีครับภาคต่อ หลังจากที่ยังคาใจเรื่องบางเรื่องของตัวรถที่ยังหลงเหลืออยู่ ผมจึงขอพี่บิ๊กเพื่อทำการทดสอบเจ้าหนู Dinamica อีกครั้งหนึ่ง ซึ่งสิ่งที่ผมยังติดค้างอยู่ในใจตอนนี้ก็คือ ... เรื่องความเสถียรบนทางเรียบของตัว Dinamica เอง ซึ่งยังเป็นข้อสงสัยสุดท้ายในใจผมตอนนี้

ผมกับพี่บิ๊กนัดพบกันแต่เช้าตรู่ที่ถนนเขียว เพื่อทำการทดสอบครับผมเหลือไม่กี่คำถามในใจแล้วล่ะ สำหรับเจ้า Sarto Dinamica คือ เรื่องความเสถียรในทางราบ เช่น

  • การคงแรงของตัวเฟรม
  • ความมั่นคงขณะที่กำลังปะทะลม
  • การรับส่งแรงระหว่างร่างกายกับตัวเฟรม


เราเริ่ม warm up ออกไปวันนี้พี่บิ๊กมีแบบฝึกหัดที่ต้องทำ ผมก็เลยปั่นกับแกแค่ช่วง warm up เท่านั้นเพราะผมคงยิงตามพี่บิ๊กไปลำบากต้องไปเก็บตัวฝึกฝนสกิลและทักษะอีกเยอะพอสมควร หลังจากพูดคุยแลกเปลี่ยนเทคนิคการฝึกต่างๆ ประมาณ กม. 8 แล้วนั้น ... พี่บิ๊กก็แยกไปฝึกแบบฝึกหัดของแก โดยปล่อยให้ผมคุยกับเจ้า Dinamica เพียงลำพังอีกครั้ง ผมเริ่มไล่เกียร์ขึ้นไป ไล่ไปให้หนักขึ้นเรื่อยๆ ลมวันนี้ที่สนามเขียวถือว่าค่อนข้างแรงครับน่าจะราวๆ 13-15 กม. / ชม. ได้ ผมนวดไปเรื่อยๆ นึกในใจเสียว่าเหมือนเป็นการมาฝึกการย่ำไปก็แล้วกัน ฮึบ ฮีบ ฮึบ ไปเรื่อยๆ ณ จุดนี้ ความแตกต่างของเฟรม allrouder กับเฟรม aero ผมเริ่มได้คำตอบในใจ ... การปะทะกับลมที่มาแนวตรงนั้น ... ดูจะตื้อกว่านิดๆ ถ้าเป็น VENGE หรือ Cervélo T1 คงมุดกว่านี้ แต่ตรงนี้ผมเข้าใจได้ครับ ด้วยหลักการออกแบบและหลักอากาศพลศาสตร์ ความรู้สึกที่ผมรู้สึกได้คือ การ “คงแรงเฉื่อย” (แรงกระทำที่เก็บไว้ในวัตถุใดวัตถุหนึ่ง) ในเฟรมนั้นดีกว่า VENGE อย่างเห็นได้ชัดครับ คือ พอ Dinamica เริ่มจะไหลแล้วนั้น แรงผมที่ออกแรงปั่นก็เริ่มใช้น้อยลงเรื่อยๆ (เบาแรง) ผมสามารถเพิ่มความหนักของเกียร์ไปจนถึงเกียร์หนักสุด 52/11 แล้วก็ย่ำไปเรื่อยๆ ไม่ปวดไม่ตึง ไม่ล้าหรือรู้สึกว่าต้องเค้น พอถึงช่วง กม. ที่ 11-12 นั้นตอนนี้ลมก็จะกลายเป็นลมข้างละครับทีนี้เห็นได้ชัดครับว่า Classic Frame นั้นจะไม่ดูดลมผมสามารถไหลไปได้ดีกว่าปั่นรถเฟรม aero เพราะฉะนั้นบททดสอบสำหรับสถานการณ์ที่ลมมาข้างๆ นั้นผมถือว่าโอเคเป็นไปตามที่คาดหวังไว้ครับ แต่ความรู้สึกที่ว่าผมต้องเติมแรงเพื่อสู้ลมหรือเพื่อดันให้รถไปต่อนั้นเยอะไหม ตอนนี้ผมตอบได้ว่าไม่เยอะเท่า VENGE ไม่เยอะเท่า Propel ครับ ทีนี้มาถึงส่วนสำคัญสุดท้ายช่วงราวๆ 10 กม.สุดท้าย ผมกดแบบกระแทกนะครับ ย่ำมันเข้าไป ย่ำเข้าไป สิ่งที่ผมอยากรู้คือ การรับส่งแรงระหว่างร่างกายกับตัวเฟรม ว่ามันเป็นยังไงบ้าง ปัจจัยของผมคือ ผมดู delay time ในใจครับ ผมจะดูว่าพอผมกดแล้วเนี่ย ผมต้องยัดแรง ขย่มตัวไปมากแค่ไหน เพื่อให้มันกระชากออกไปตามที่ผมคาดหวัง ... คำตอบที่ได้ในทางเรียบจะต่างกับการกดนวดบนภูเขานิดหน่อย เพราะผมจินตนาการว่า ตรงนี้มันเกี่ยวกับกระโหลกและ Chain Stay (หางล่าง) ล้วนๆ ไม่มี Seat Stay (หางหลักอาน) มาเกี่ยวข้องเหมือนตอนขึ้นเขา ... สิ่งที่ได้คือ การตอบสนองที่ไม่ช้าไม่เร็วจนเกินไปครับ ... ผมขอเรียงลำดับอย่างนี้แล้วกันนะครับ จากรถที่ผมลองเวลาที่กดแรงเพื่อกระตุ้นให้พุ่งออกไป หรือออกตัวออกไป หรือกระชากตัวออกไป VENGE → Propel / F8 → Dinamica → R3/R5 สำหรับผม ผมถือว่าผมพอใจนะ ก็จบการทดสอบลงครับ ทีเหลือผมก็ปั่น Cool Down และขอบพระคุณพี่บิ๊กอีกครั้งที่อนุเคราะห์ให้ผมได้ลองอีกรอบครับ

สำหรับผม คงตอบได้ทันทีว่า Dinamica เป็นรถ allrouder ที่น่าสนใจตัวหนึ่งครับ หลังจากนี้ผมก็ไปศึกษาเรื่องวัสดุต้นทาง (คาร์บอนที่เอามาขึ้นรูปเฟรมต่อ ว่าใช้อะไร ทำไมถึงได้ Character ของรถมาอย่างนี้ ซึ่งตรงนี้มันจะเป็นอะไรเนิร์ดๆ ที่อาจจะอธิบายแล้วเข้าใจยาก แต่ถ้าอยากรู้ก็ comment ถามกันได้นะครับ)

 

เกี่ยวกับเรื่องความเสถียรของตัวเฟรมในทางเรียบนั้นโดยรวมแล้ว “ไหล” ไม่สู้ R3/R5 นะครับแต่ไม่ น่าเกลียดไม่ได้ทำให้คุณเหงาเวลาแรงหมดแน่นอนครับทั้งหมดทั้งมวลนี้เป็นความเห็นส่วนตัวของผมนะครับ ทั้งนี้ทั้งนั้นการเลือกรถนั้นผมเชื่อว่ามันอาจจะไม่ได้อยู่ที่เรื่องของ "ความรู้สึกของรถ" อย่างเดียว มันอยู่ที่ "ความรู้สึกและรสนิยมของเจ้าของ" ด้วย ทั้งนี้ดีของผมอาจจะไม่ใช่ดีของคนอื่นครับ

 

ขอบคุณ พี่บิ๊ก ผจก. แห่ง CYCAM Bike อีกครั้งนะครับ ที่อนุเคราะห์ผมทั้งให้ test เฟรม ล้อ และเบาะ อย่างยินดีและไว้วางใจครับ หวังว่า review เชิงรายงาน เชิงบ่นๆ อันนี้จะเป็นประโยชน์สำหรับท่านอื่นๆ นะครับ